พันธกิจบ้านธารพระพร
River of Blessing Foundation for Special Needs 15/3 หมู่ 7 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ. แม่ฮ่องสอน 58150
วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2562
พัฒนาพันธกิจเพื่อพิชิตความยากไร้ในชุมชนดอยสูง
พัฒนาพันธกิจเพื่อพิชิตความยากไร้ในชุมชนดอยสูง (ภาพเก่าเล่าความหลัง)
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเฉลิมพระเกียรติ. บ้านน้ำบ่อสะเป่
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่บ้านน้ำบ่อสะเป่
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ร่วมกันสำนักงานเขตรักษาป่าไม้สันปันแดน
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ร่วมกันสำนักงานเขตรักษาป่าไม้สันปันแดน
วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2562
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2562
" งานเสริมรายได้ของอาจารย์ปรเมฆ พิทักษ์ไพศา 2018 - 2019 "
" งานเสริมรายได้ของอาจารย์ปรเมฆ พิทักษ์ไพศา 2018 - 2019 "
วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562
อนาคตหนูอยู่ไหน?
ใครคือผู้ให้อนาคตหนู
พระเจ้าทรงเป็นผู้มอบชีวิตให้กับน้องเอมี่ในวันนั้น วันนี้น้องเอมี่จึงมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ อนาคตของน้องเอมี่อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าเฉกเช่นเดียวกับอนาคตของทุกคนในครอบครัวของน้องเอมี่ เพราะว่าเราทุกคนก็ได้รับมอบหมายให้มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า และราชกิจของพระองค์ที่มีอยู่ในเราทุกคนนั้นจำเป็นจะต้องสำเร็จลงตามน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ว่าเราจะเกิดมาเป็นคนชาติพันธุ์ใด ภาษาใดก็ตาม.....เราต้องรู้และเข้าใจว่า ผู้ที่เกิดจากพระเจ้านั้นก็จะมีชีิวตอยู่เพื่อพระเจ้าเท่านั้น
ในโลกแห่งความเป็นจริง น้องเอมี่ผ่านความทุกข์ทรมานมามากมาย อุปสรรค์และขวากหนามตามทางที่ผ่านมา ล้มลุกคุกคลานพร้อมๆกับครอบครัวใหม่......ขอบคุณพระเจ้า ที่น้องเอมี่ได้เติบโตอยู่ในความรักของพระเจ้า เราพยายามช่วยเธอสุดกำลัง ให้เธอเข้าใจว่าพระเจ้าทรงรักและห่วงใยเธอ และเธอไม่ขาดแคลนสิ่งจำเป็นใดๆเลย .......
จริงๆแล้วตัวเธอเองก็รู้ดีว่า เราครอบครัวต้องพึ่งพอาศัยกันและกันเสมอ และขาดกันไม่ได้เลย แต่สิ่งหนึ่งที่น้องเอมี่ต้องเรียนรู้คือ....ต้องเข้าใจว่าพระเจ้าเท่านั้นที่ช่วยเธอให้มีชีวิตอยู่ได้จนทุกวันนี้ และพระองค์ทรงมีแผนการพิเศษสำหรับเธอด้วย....เราพยายามสอนพระคำของพระเจ้าให้เธอเข้าใจว่า เธอไม่ได้เกิดมาเป็นภาระของใคร หรือเกิดมาผิดที่ หรือเกิดมาชดใช้กรรมเก่า ดังที่ศาสนาอื่นๆเขาสอนกัน....
และวันนี้ เธอ น้องเอมี่ ได้มีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ ความสุขกับครอบครัว โบสถ์ โรงเรียน และสังคมที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้เธอ....ผมและภรรยา เรามีความหวังอยากให้คนพิการได้โอกาสมีชีวิตที่ได้รับการอวยพระพรจากพระเจ้าเช่นน้องเอมี่.....เราจะทำงานกับคนพิการและคนยากไร้กันต่อไป เชื่อว่าพระเจ้ากำลังเตรียมชีวิตครอบครัวของเราทุกคน เพื่องานที่ยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าจะทรงมอบหมายให้ได้ในวันข้างหน้า....ขอบคุณพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงจัดเตรียมและอวยพระพรเถิด.....
ปลายทางคือบ้านที่ถาวร
กลับบ้านอันถาวรของชีวิต
สิ่งที่ถูกทรงสร้างมาแล้วนั้น ย่อมเป็นไปตามกาลเวลา ไม่มีสักสิ่งเดียวที่จะไม่สลายไป แม้แต่มนุษย์เองก็ตาม เพราะทุกสิ่งคือสิ่งที่ถูกสร้าง ไมใช่พระผู้สร้างจึงจะไม่สามารถสลายหรือตายไปตามกาลเวลา ... เราต้องยอมรับว่าเราเองก็หนีไม่พ้นความอนิจจังในการทรงสร้างของพระเจ้า เมื่อถึงเวลาคราที่จะต้องจากไป ก็ไม่มีใครหนีรอดไปได้สักคน ไม่ว่าจะมีหรือจน จะพิการส่วนใดของร่างกายก็ตาม หรือใครจะตั้งตนเองเป็นพระเจ้า เป็นเทพเจ้า ก็ตามแต่....ล้วนหนีไม่พ้นความตายฝ่ายร่างกายสักคน....
ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่ เรามีชีวิตอยู่อย่างไรให้มีความสุขได้ เราจะใช้ที่วิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ให้คุ้มค่าได้อย่างไร เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่นานนัก เราจะได้กลับบ้านที่ถาวรของเรา จะไปอย่างไรหากเราไม่รู้ว่าบ้านที่ถาวรของเราอยู่ที่ไหน....นี่คือเหตุผลที่เราทุกคนมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เพื่อเราจะได้ประกาศข่าวดีและบ้านอันถาวรให้กับมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า ทุกชาติ ทุกภาษา ฯลฯ นี่คือเหตุผลที่หลายคนไม่อาจยอมรับได้จากพระเจ้า หรือไม่รู้เลยว่ามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพื่ออะไร
นี่อาจเป็นสาเหตุให้หลายคนใช้ชีวิตอย่างบ้าครั่ง สุดเหวี่ยง มีตนเองเป็นที่ตั้ง ทำตามอำเภอใจทุกอย่าง หลงในอำนาจ ลาภยศสรรเสริญ กิเลส ราคะและตัณหาทุกอย่าง พึ่งอำนาจแห่งความมืด แลกชีวิตกับความร่ำรวยในโลกนี้กับซาตานและพญามาร สมุนของมัน......เข่นฆ่า ข่มขู่ เอารัดเอาเปรียบ รีดไถ หลอกลวง ใส่ร้าย ป้ายสี ฯลฯ นำมาซึ่งให้ตนเองเป็นใหญ่กว่าทุกคน เป็นที่ยอมรับ .......
พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราสอนไว้ว่า ให้เราอย่าประมาท ใชีวิตที่เหลือในโลก ให้ลงทุนกับสิ่งที่เราคิดว่าคุ้มค่า มีค่ามากที่สุด แล้วคืออะไร? อะไรคือสิ่งที่เราคิดว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกใบนี้ ชีวิตตนเอง ครอบครัว คนที่เรารัก ฯลฯ หากยังไม่บังเกิดใหม่ในพระเจ้าจริงๆก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า อะไรคือสิ่งที่เราคุ้มค่าจะลงทุนกับชีวิตที่เหลือของเรา? พระเยซูคริสต์ทรงสอนไว้ว่า คนืั้เกิดจากโลกก็ปักใจแต่สิ่งที่เป็นเนื้อหนัง แต่คนที่เกิดจากพระเจ้าจะปักใจแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเท่านั้น....
ขอให้เรามอบชีวิตให้กับพระเจ้า ยอมให้พระเจ้าครอบครองชีวิตทุกด้านทั้งหมด สารภาพบาปและกลับใจอย่าไปทำอีกเด็ดขาด เพราะการทำบาปจะดับพระวิญญาณของพระเจ้าที่อยู่ในชีวิตของเรา พระเจ้าจะทรงลงโทษเราเฉกเช่นผู้ไม่เชื่อแน่นอน เพราะหากเราเชื่อจริงๆ เราก็คงไม่ทำบาปแน่นอนเช่นกัน....การพูดได้กับการปฏิบัติได้นั้นคนละเรื่อง คนที่ไม่มอบชีวิตให้พระเจ้าก็จะไม่เห็นพระเจ้า ไม่ได้ยินเสียงของพระองค์ และจะไม่สามารถรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าได้......วันนี้เราผู้เชื่อ ลูกของพระเจ้า เตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อมเสมอ ฝากชีวิตและทุกคนที่เรารักไว้ในพระเจ้า และดำเนินกับพระเจ้าเหมือนกับว่า เราจะมีชีวิตได้แค่วันนี้วันเดียว.....เพราะพรุ่งนี้เราจะได้กลับบ้านอันถาวรของเราแล้ว....
ที่บ้านอันถาวรบนสวรรค์นั้น พระคัมภีร์วิวรณ์ได้บอกเราไว้ว่า พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดให้เรา ไม่มีความเจ็บป่วย ความพิการ ไม่สมประกอบ ไและม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป เราทุกคนจะได้สวมเสื้อสีขาวระยิบระยับไปด้วยสง่าราศีและการทรงสถิตของพระเจ้า เราทุกคนจะได้สวมมงกุฏแห่งชีวิต เราทุกคนจะได้ร่วมกันร้องเพลงบทใหม่สรรเสริญพระเจ้า และได้นั่งบนบังลังก์เพื่อพิพากษาพญามาร ซาตาน และสมุนของมันในบึงไฟนรก.....เราทุกคนจะอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์ชั่วนิรันดร์ ( วิวรณ์ 22 )........
สู้ด้วยพระคริสต์
ยังต้องสู้อีกมาก
ความพิการว่ายากลำบาก แต่มีความเจ็บป่วยแทรกซ้อนด้วยเสมอนี่ซิ....โครตทรมานทั้งกายและจิตใจ แต่ก็ยังคงมีจิตใจที่จำเริญขึ้นใหม่เสมอทุกๆวัน ความพิการทำให้เรามีความจำกัดมากมาย เหมือนมีอะไรมามัดแขนมัดขาเราเอาไว้ และทรมานเราด้วยความเจ็บป่วยต่างๆ การแสวงหาความตายจึงเป็นสิ่งที่คนพิการคิดถึงเป็นสิ่งแรกๆเสมอ สำหรับตัวผม....ความตายเป็นสิ่งที่ผมไม่กลัวแล้ว เพราะเป็นก็อยู่เพื่อรับใช้ ตายก็ได้กำไร ได้ไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์เลย.....
ผมไม่เคยห่วงเลยว่าภรรยาและลูกๆจะอยู่อย่างไรในวันที่ผมจากไป เพราะผมฝากไว้กับพระเจ้าแล้วครับผม ฉะนั้นวันนี้หรือวันไหนๆ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ จะพิการ จะเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานยากเข็ญเพียงใด ก็ยังขวนไขว พยายาม รับใช้พระเจ้าให้จงได้ งานรับใช้ที่ว่า....ตามที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้สามารถตามความเชื่อ ไม่ใช่เปรียบเทียบกันและกัน และทำให้ชีวิตหมดความหวังในพระเจ้า ซึ่งมีแต่จะทำให้ชีวิตในความเชื่อนั้นอับปราง.....
ใครจะไปบอก
ยอมเสีย
เราทุกคนย่อมมีเหตุผลเป็นของตนที่จะอ้างนั่นนี่ ผมและครอบครัวก็มีเหตุผลของเราเองด้วย ไม่ใช่แค่ใครบางคน แต่เป็นทั้งครอบครัว ไม่อยากที่จะลงมาให้เห็นภาพงานรับใช้ หรือป่าวประกาศให้คนทราบว่าเรารับใช้พระเจ้าอย่างไร เพราะคนปกติยังรับใช้พระเจ้ายาก หรือยากเพราะมีเหตุผลต่างๆนานา และพยายามหลีกเลี่ยงทุกทาง แต่สำหรับครอบครัวผม พยายามหาช่องทางในการรับใช้พระเจ้าต่างหาก
ยอมรับว่าที่ผ่านมายากลำบากเหลือเกิน และไม่เคยคิดว่าจะได้มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะทุกครั้งที่คิดจะรับใช้ เราก็ป่วยและเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบ่อยๆ การทดสอบและการทดลองเข้ามาทำให้เราลำบากยากเข็ญในการรับใช้พระเจ้าเสมอ หลายคนที่เคยร่วมงานก็ต้องมีอันหนีหายตายจากทุกคน เพราะหากเริ่มต้นที่เงินและผลประโยชน์ก็ต้องเลิกคิดกับครอบครัวผม และพระเจ้าก็ทรงใช้ในความพิการและยากไร้ของครอบครัวผมอย่างที่เห็นและผ่านมา ไม่ได้เขียนมาให้ผู้อ่านได้ละอายใจ แต่อยากเป็นพยานเอาไว้ให้เข้าใจวิถีชีวิตแห่งการรับใช้ของครอบครัวผมว่า ไม่ใช่เรื่องความพยายาม แต่เพราะพระคุณและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ที่ทรงทำผ่านในความอ่อนแอของครอบครัวผมจริงๆ
เราขอทางด่านตำรวจ ขอความร่วมมือให้เรามีโอกาสนั่ง ยืน เดิน แจกใบปลิวข่าวประเสริฐควบคู่ไปกับการรณณรงค์เมาไม่ขับ ใส่หมวกกันน๊อค ฯลฯ เราประกาศข่าวประเสริฐกับตำรวจทหารในพื้นที่ เราจัดห้องเรียนภาษาอังกฤษพร้อมกับข่าวประเสริฐให้กับ นักเรียน ครู หมอ ตำรวจ ทหาร ฯลฯ ในพื้นที่ที่เรารับใช้พระเจ้าอยู่ เราสนับสนุนชมรมผู้รับใช้พระเจ้าทุกคนและทุกชาติพันธุ์ และพยายามหาแนวทางทำให้ข่าวประเสริฐไปถึงทุกคนจริงๆ
ไม่ได้พูดว่าสำเร็วแล้ว แต่กำลังบากบั่นและมุ่งต่อไปจนกว่าชีพจะวางวายใต้กางเขนต่างหาก ไม่ได้ภาคภูมิใจในงานที่ผ่านมาเท่าๆกับการเชื่อฟังพระเจ้า อาจรับใช้พระเจ้าไม่ได้มากเท่ากับผู้รับใช้พระเจ้าที่มีร่างกายปกติ หรือเกิดผลมากเท่าคนอื่น แต่ก็ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างสัตย์ซื่อ เต็มที่ บนความเชื่อ ความหวังและความรักที่พระเจ้าทรงมอบให้.....
ทำให้ถูกต้องในแบบของพระคริสต์
รับใช้พระเจ้า
ทุกวันนี้มีงานรับใช้พระเจ้ามากมายหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็มีแรงจูงใจที่ไม่เหมือนกัน และมีเหตุผลของงานรับใช้นั้นๆแตกต่างกัน ซึ่งไม่ว่าจะรับใช้แบบใด อย่างไรก็ขอให้พระคริสต์ถูกประกาศออกไป ตรงตามที่อาจารย์เปาโลเองก็เคยบอกเราเอาไว้ ผมและครอบครัวเองก็เริ่มต้นงานรับใช้ตามความสามารถของครอบครัว ไม่ใช่ตามความสามารถของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะเป็นครอบครัวที่มีคนป่วยและพิการอยู่ร่วมด้วย ก็ยิ่งรับใช้พระเจ้ายากลำบากกว่าครอบครัวที่ปกติแน่นอน
พระเยซูคริสต์สอนให้เรารับใช้พระเจ้าด้วยมือที่สะอาดและด้วยใจที่บริสุทธิ์ เริ่มต้นกับพระเจ้าด้วยความเชื่อ ก็ควรจบชีวิตลงด้วยความเชื่อด้วยเช่นกัน ในงานรับใช้ก็ไม่ควรเป็นแบบป่าวประกาศ อวด หรือหาชื่อเสียงให้กับตนเองด้วยงานรับใช้นั้นๆ งานรับใช้ไม่ควรยืนอยู่บนความเชื่อและศัทธราของผู้คน เพราะพระเยซูสอนว่าเขาได้รับบำเหน็บไปแล้วจากการยอมรับและการชมเชยของผู้คน พระองค์ทรงให้เรารับใช้ให้เป็นที่ยอมรับของพระเจ้าเท่านั้น แม้ว่าจะไม่เป็นที่พอใจ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนตามมา หรือ ไม่เห็นด้วย และได้รับการดูถูก ถูกเข่มเหงตามมาก็ตาม จนกระทั้งไม่มีใครคบหาสมาคมด้วยแล้วก็ตาม
ที่ผ่านมาผมและครอบครัว มักจะขอความช่วยเหลือจากพี่น้องที่มีภาระใจ เพื่ออธิษฐานเผื่อ และรวบรวมข้าวของต่างๆมามอบให้ผู้พิการและผู้คนที่ยากไร้บนดอยสูง ผมเองก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ค่อยสุขสบายนักเพราะไปรบกวนคนอื่นให้อธิษฐานเผื่อและถวาย เวลานั้นได้แต่คิดว่าเราต้องยอมเป็นคนกลางเพื่อจะนำความช่วยเหลือมาถึงคนพิการเหล่านี้ เพราะคนพิการเหล่านี้เป็นคนพิการที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐและเอกชนจริงๆ ผมและครอบครัวยอมอับอาย ยอมให้คนดูถูกเหยียดหยาม ยอมให้คนวิพากษ์ และวิจารณ์ต่างๆนานาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเราเองก็คิดว่าทำถูกต้องแล้ว และพระเจ้าทรงได้รับเกียรติสูงสุดผ่านทางชีวิตของเราแน่นอน
วันนี้ ผมกำลังเปลี่ยนไปหรือเปล่านั้นก็ไม่รู้ รู้เพียงว่าผมเริ่มคิดอย่างรอบคอบมากขึ้น เพราะหลายปีที่ผ่านมานั้นสอนให้ผมคิดและรับใช้พระเจ้าอย่างมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ จึงมานั่งคิดว่าจะเลิกขอความช่วยเหลือจากพี่น้องในทุกรูปแบบ แต่จะกลับมารับใช้พระเจ้าตามที่ตนเองและครอบครัวมีก็พอ ใครอยากร่วมรับใช้พระเจ้าด้วยก็ต้องเตรียมมาเองด้วย เพราะแน่นอนว่าเมื่อพระเจ้าทรงใช้ พระองค์ก็ทรงจัดเตรียมให้อย่างเพียงพอ ขอเพียงแต่เช็คให้มั่นใจว่าพระเจ้าทรงใช้จริงๆ เริ่มต้นที่ความเชื่อก็ไม่ควรที่จะจบลงด้วยเนื้อหนัง
เพราะคนพิการย่อมเข้าใจคนพิการด้วยกันเสมอ คนอื่นอาจอยากเป็นที่ยอมรับของผู้คนรอบข้าง แต่กับผมและครอบครัว เรียนรู้แล้วว่าให้พระเจ้ายอมรับได้ก็พอแล้ว เพราะสำหรับคน เราไม่สามารถทำให้เขายอมรับเราได้ทุกคน เราไม่ได้เริ่มต้นที่การยอมรับของคนรอบข้าง แต่เราเริ่มต้นที่การยอมรับของพระเจ้าก็ควรจบลงด้วยการยอมรับของพระเจ้าผู้เดียว ในปกติแล้วคนพิการเขาอยากหายควมพิการ นั่นคือสิ่งแรกที่เขาอยากได้จากเรา อยากได้มากกว่าข้าวของ และอุปกรณ์ต่างๆที่เรานำมาเสนอให้ฟรีๆ เพราะอะไร เพราะถ้าหายพิการแล้ว เขาก็สามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้ ไม่ต้องมาเป็นภาระของครอบครัวและคนรอบข้างด้วย และยังสามารถช่วยเหลือคนอื่นๆได้ด้วย แล้วเราคนไหนเล่าจะสามารถช่วยให้หายจากความพิการได้
มนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะช่วยให้ผู้อื่นให้หายความพิการได้ นอกจากผู้ที่เป็นพระเจ้า พระผู้สร้าง ผู้ประทานชีวิตและลมหายใจ ผู้ที่จะสามารถให้ชีวิตและเอาชีวิตไปจากมนุษย์ได้เท่านั้น ในโลกใบนี้มีพระ มีเจ้า มากมายตามที่มนุษย์ได้กราบไหว้และเอ่ยถึงทุกยุคทุกสมัย คนพิการ คนป่วย ทุกยุคทุกสมัยก็มีท่าทีเหมือนกันหมด คือการแสวงหาผู้ที่จะรักษาตนได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
ผมและครอบครัว ใช้ข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆเป็นบรรไดของข่าวประเสริฐ เพื่อให้ข่าวประเสริฐนั้นก้าวเข้าไปรักษาคนพิการเหล่านั้นให้หายดี เพราะเราเองก็เป็นคนพิการ จึงเข้าใจความคิดของคนพิการ ถึงกระนั้นก็ไม่มีการบังคับให้เชื่อข่าวประเสริฐ การให้เป็นเหตุให้คนพิการได้เห็นพระเจ้าในชีวิตของเรา ยิ่งคนพิการกันเองนำมาให้ก็ยิ่งทำให้คนพิการสนใจข่าวประเสริฐมากขึ้น
ผมเองก็อยากหายจากความพิการจากพระเจ้าผู้ทรงสามารถของเรา ทุกครั้งที่อ่านพระคัมภีร์ก็ได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ของเรา ที่ทรงรักษาคนเจ็บคนป่วย และคนพิกลพิการด้วย อีกทั้งคนที่ได้รับการรบกวนจากอำนาจผีร้ายต่างๆก็หายเป็นปกติด้วย ผมเองก็หนักใจมากในช่วงแรกที่จะพูดกับคนพิการกันเองว่า พระเยซูคริสต์ทรงสามารถรักษาความพิการของเราได้ทุกคน เพราะอะไรหรือ เพราะผมเองก็ยังไม่ได้รับการรักษา หากเขาถามว่าตัวท่านเองทำไมพระเจ้ายังไม่รักษาเล่า? ท่านไม่หายเราจะหายได้อย่างไร? ผมเองก็ได้แต่บอกเขาว่าพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้ผมยังเป็นอยู่เพื่อจะเข้าใจท่านผู้พิการทุกคนจนกว่าจะถึงเวลาของพระองค์ ..... แม้พูดอย่างนี้ก็ใช่ว่าจะโน้วน้าวให้คนพิการเชื่อได้
แน่นอนว่าคนพิการอย่างผมและคนพิการทุกคน ไม่ได้ต้องการทรัพย์สิ่งของ หรืออยากสนองกิเลส และตัณหาของตนเอง หรืออยากมีชื่อเสียง ฯลฯ มากไปกว่าการหายความพิการ....ทุกอย่างที่เราแจกให้เขาในวันนี้ อาจหมดได้วันหนึ่ง หมดอายุ พังไปตามกาลเวลา และคงต้องการเรื่อยจนกว่าจะจากไป คนพิการแค่ขอให้หายพิการได้ก็พอ ความต้องการของพวกเขาไม่เหมือนคนปกติ แต่ถ้าเขาหายเป็นปกติ ความต้องการของเขาอาจเพิ่มขึ้นมาเหมือนคนปกติก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ใช่พระเจ้า ผมแค่ผู้รับใช้พระเจ้า เพียงแต่กำลังทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ คือการออกไปประกาศและนำวิญญาณของผู้คนมากมายให้มาถึงความรอด จนสุดปลายแผ่นดินโลก
วันนี้ ผมเองก็เริ่มคิดที่จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้ดีที่สุด ผมจะไม่ทำอะไรเกินตัว เกินความเชื่อของตนเองอีกต่อไป ใช่ว่าที่ผ่านมาผมเองชอบทำอะไรเกินตัวเสมอ และพระเจ้าก็ทรงให้ผมเห็นการอัศจรรย์เสมอมา เวลานี้ใครจะว่าผมเริ่มหมดความเชื่อก็ไม่เป็นไร ผมแค่ไม่อยากป่าวประกาศงานรับใช้ไปให้ผู้คนทราบ ไม่อยากเป็นคนหน้าซื่อใจคดอีกต่อไป.....อาจมีคนแย้งว่าทำไมไม่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของคนพิการที่ไม่มีใครช่วยเหลือเขา ผมเองก็ช่างน้ำหนักดูอยู่ เพราะทำอย่างนี้มานานหลายปีแล้ว
ในปีต่อๆไป คงเหลือแค่ครอบครัวและทีมงานบางคน บางครอบครัวที่ยังอยากร่วมรับใช้พระเจ้าด้วย จะไม่ป่าวประกาศขอความช่วยเหลือจากผู้คนอีกต่อไปแล้ว และจะไม่โชว์ หรือให้ผู้คนได้เห็นงานรับใช้ มากไปกว่าที่จะให้พระเจ้าทรงได้เห็น ที่ผ่านมาต้องใช้งบสูง ทีมงานมาก แต่ไม่ได้งานเลย หมายถึงไปไม่ถึงคนพิการอย่างทั่วถึงจริงๆ หลังกลับมาจากงานรับใช้ที่เมืองไทย ผมก็กลับมาเสียดาย เสียใจ ที่ไม่ได้ไปเยี่ยมหาคนพิการ คนนั้น คนนี้ ..... จึงมีบทเรียนว่า เอาเถิด อย่างน้อยเราก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว ที่ผ่านมาได้ก็เพราะพระเจ้าทำการอัศจรรย์ทั้งนั้นเลย ไม่ใช่เพราะผมมีแรง กำลัง จึงสามารถทำได้อย่างทุกปีที่ผ่านมา
ยังคงคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรที่จะนำคนพิการให้มาถึงความรอด และการรักษาโรคความพิการของพวกเขาผ่านทางชีวิตของเรา ก่อนหน้านี้ก็พยายามแสวงหาพระเจ้านะ แต่พระคำของพระเจ้าก็บอกว่าไม่ใช่เพราะความพยายามของเรา และเพราะพระคุณ การทรงเลือก และการทรงเรียกต่างหาก....ความคิดในสมองก็ตีกันอุตหลุดเลยทีเดียว พระเจ้าทรงเป็นคำตอบแต่ผู้เดียว อยู่ที่พระองค์จะทรงพอพระทัยหรือไม่....แต่ก็ยังเชื่อในพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่ว่า จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน....หรือที่ทรงให้เราแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติ่มสิ่งทั้งปวงให้.....
เรามีหน้าที่ขอ หา และเคาะ อยู่ที่พระทัยของพระเจ้าแล้ว ที่จะตอบคำอธิษฐานของเรา อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีในชีวิตของเราเสมอ....หากคนพิการที่เราประกาศด้วย เข้าใจอย่างเราก็ดีซินะ...เพราะการที่เขาไม่เห็นว่าเราเองผู้เชื่อ ผู้ประกาศข่าวดียังไม่หายเลย เขาคนพิการก็คงยังไม่มีความเชื่ออย่างแน่นอน และความคิดของพวกเขาก็ยังคิดว่า พระเจ้า พระเยซูคริสต์ของเราก็เป็นแค่ศาสดาของศาสนาคริสต์เท่านั้น....ถามว่าผมจะไม่ประกาศข่าวประเสริฐใช่ไหม หากตัวผมเองไม่หายจากความพิการ ไม่เลย....แม้เคยมีความคิดว่าประกาศข่าวประเสริฐยากจัง....ความรอดจากบาปกับความพิการแห่งร่างกายนั้นเป็นคนละเรื่องกัน....เอ เราจะทำให้คนพิการเข้าใจอย่างเราได้อย่างไร ตราบใดที่เราเองก็ยังไม่หาทางอธิบายให้พวกเขาเข้าใจ และไม่เสียสละชีวิตดั้นด้นไปหาเขา และบอกเขาทุกอย่างๆที่เราเข้าใจ จริงไหม......ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม.
" บนถนนของการต่อสู้ "
" บนถนนของการต่อสู้ "
Way to fight บนถนนของการต่อสู้
อาจารย์ โจว์ ไฮม์ นักสู้ชีวิตแบบอย่างพระคริสต์
พระเจ้าทรงนำผมและโจว์มาเจอกันในปี ค.ศ. 2003 ซึ่งเป็นปีที่ผมประสบอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์ และกลับมาอเมริกาเพื่อเยี่ยมเยียมพ่อตาแม่ยายของปลายปีนี้เอง ภรรยาผมพาไปเยี่ยมท่านโจว์ ขณะนั้นยังไม่ได้เป็นอาจารย์สอนพระคำของพระเจ้า เรานัดเจอกันที่บ้านของท่านอาทิตย์ละครั้ง ห่างจากบ้านที่ผมและครอบครัวพักอยู่ประมาณ 2 กิโลเมตร บางทีผมก็ไปเยี่ยมท่านเองโดยขี่รถสกู๊ดเตอร์ไปหา เราเริ่มต้นอธิษฐานก่อนการเสวนาเสมอ และคุยเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับเรื่องของชีวิต แรกๆผมก็ไม่ได้คุยอะไรมาก เพราะไม่เก่งเรื่องของภาษา จึงได้แต่ฟังและเรียนรู้กับท่าน
ผมและครอบครัวไปๆกลับๆเมืองไทยและสหรัฐอเมริกาเพื่องานรับใช้พระเจ้า เพราะครอบครัวผมแต่เดิมอยู่เมืองไทย และภรรยาก็อยู่สหรัฐอเมริกา จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการเดินทางไปๆกลับๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการกลับไปอเมริกาก็หนีไม่พ้นที่จะต้องไปเยี่ยมเยียนท่านโจว์ พี่ชายที่รักในพระคริสต์ ผมเองพยายามหนุนใจและให้กำลังใจท่านเสมอ เพราะท่านเคยบอกผมว่าไม่มีกำลังใจอยู่ในโลกใบนี้ แม้ว่าจะมีภรรยาและลูกๆคอยช่วยท่านเสมอก็ตาม เวลานั้นดูเหมือนท่านแค่อยู่เพื่อรอคอยเวลาของชีวิตจากไปอยู่กับพระเจ้า ออ ท่านเป็นคนพิการกล้ามเนื้อผิดรูปและอ่อนแรงมาแต่กำเนิด และมาแต่งงานกับแม่ม้ายลูกติด 2 คน เป็นหญิงและชาย ลูกสาวคนโตก็ติดยาเสพติด ลูกชายก็มีปัญหาทางสมองแต่ก็ยังดูแลตนเองได้บ้าง ภรรยาจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการดูแลครอบครัว
ท่านโจว์เคยบอกผมว่า เพราะชีวิตของผมและครอบครัว ทำให้เขาลุกขึ้นมาเรียนพระคัมภีร์ออนไลน์จนจบปริญญาตรีศาสนศาตร์ และเป็นอาจารย์สอนและให้คำปรึกษากับผู้คนมากมายบนโลกออนไลน์ และก็ยังมีโอกาสรับใช้พระเจ้าในคริสตจักรต่างๆด้วย ผมและครอบครัวขอบคุณพระเจ้า ที่ทรงใช้ให้เป็นแรงบันดาลใจให้กับท่านได้ เราเองก็ภูมิใจในตัวท่านอย่างมาก และดีใจที่พระเจ้าทรงใช้ท่านอย่างมากเมื่อท่านมองข้ามความพิการและความสามารถของท่านไปพึ่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า จนท่านได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าดังกล่าว
ปลายเดือนมีนาคม 2019 ท่านจากโลกนี้ไปอยู่กับพระเจ้าอย่างสงบสุขด้วยวัย 60 กว่าๆ ผมและครอบครัวอยู่ฮาวาย และวางแผนจะไปเยี่ยมท่านและครอบครัวในปลายปีนี้ แต่ท่านไปอยู่กับพระเจ้าเสียก่อนที่จะพบผมและครอบครัว ผมและครอบครัวก็รู้สึกอารมณ์ 2 ขั่วในเวลานั้น ขั่วแรก ก็เสียใจที่ท่านจากเราไป ชั่วที่สอง ก็ดีใจที่ท่านหมดทุกข์หมดโศกไปเสียที และภรรยาของท่านก็ไม่ต้องมาปรนนิบัติท่านอีกต่อไป อย่างไรก็ตามครอบครัวผมทุกคนก็ยังคิดถึงท่าน และจะกลับไปเยี่ยมท่านในปลายปีนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่ได้เจอพี่ชายคนนี้แล้วก็ตาม
พระเจ้าทรงนำผมและโจว์มาเจอกันในปี ค.ศ. 2003 ซึ่งเป็นปีที่ผมประสบอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์ และกลับมาอเมริกาเพื่อเยี่ยมเยียมพ่อตาแม่ยายของปลายปีนี้เอง ภรรยาผมพาไปเยี่ยมท่านโจว์ ขณะนั้นยังไม่ได้เป็นอาจารย์สอนพระคำของพระเจ้า เรานัดเจอกันที่บ้านของท่านอาทิตย์ละครั้ง ห่างจากบ้านที่ผมและครอบครัวพักอยู่ประมาณ 2 กิโลเมตร บางทีผมก็ไปเยี่ยมท่านเองโดยขี่รถสกู๊ดเตอร์ไปหา เราเริ่มต้นอธิษฐานก่อนการเสวนาเสมอ และคุยเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับเรื่องของชีวิต แรกๆผมก็ไม่ได้คุยอะไรมาก เพราะไม่เก่งเรื่องของภาษา จึงได้แต่ฟังและเรียนรู้กับท่าน
ผมและครอบครัวไปๆกลับๆเมืองไทยและสหรัฐอเมริกาเพื่องานรับใช้พระเจ้า เพราะครอบครัวผมแต่เดิมอยู่เมืองไทย และภรรยาก็อยู่สหรัฐอเมริกา จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการเดินทางไปๆกลับๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการกลับไปอเมริกาก็หนีไม่พ้นที่จะต้องไปเยี่ยมเยียนท่านโจว์ พี่ชายที่รักในพระคริสต์ ผมเองพยายามหนุนใจและให้กำลังใจท่านเสมอ เพราะท่านเคยบอกผมว่าไม่มีกำลังใจอยู่ในโลกใบนี้ แม้ว่าจะมีภรรยาและลูกๆคอยช่วยท่านเสมอก็ตาม เวลานั้นดูเหมือนท่านแค่อยู่เพื่อรอคอยเวลาของชีวิตจากไปอยู่กับพระเจ้า ออ ท่านเป็นคนพิการกล้ามเนื้อผิดรูปและอ่อนแรงมาแต่กำเนิด และมาแต่งงานกับแม่ม้ายลูกติด 2 คน เป็นหญิงและชาย ลูกสาวคนโตก็ติดยาเสพติด ลูกชายก็มีปัญหาทางสมองแต่ก็ยังดูแลตนเองได้บ้าง ภรรยาจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการดูแลครอบครัว
ท่านโจว์เคยบอกผมว่า เพราะชีวิตของผมและครอบครัว ทำให้เขาลุกขึ้นมาเรียนพระคัมภีร์ออนไลน์จนจบปริญญาตรีศาสนศาตร์ และเป็นอาจารย์สอนและให้คำปรึกษากับผู้คนมากมายบนโลกออนไลน์ และก็ยังมีโอกาสรับใช้พระเจ้าในคริสตจักรต่างๆด้วย ผมและครอบครัวขอบคุณพระเจ้า ที่ทรงใช้ให้เป็นแรงบันดาลใจให้กับท่านได้ เราเองก็ภูมิใจในตัวท่านอย่างมาก และดีใจที่พระเจ้าทรงใช้ท่านอย่างมากเมื่อท่านมองข้ามความพิการและความสามารถของท่านไปพึ่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า จนท่านได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าดังกล่าว
ปลายเดือนมีนาคม 2019 ท่านจากโลกนี้ไปอยู่กับพระเจ้าอย่างสงบสุขด้วยวัย 60 กว่าๆ ผมและครอบครัวอยู่ฮาวาย และวางแผนจะไปเยี่ยมท่านและครอบครัวในปลายปีนี้ แต่ท่านไปอยู่กับพระเจ้าเสียก่อนที่จะพบผมและครอบครัว ผมและครอบครัวก็รู้สึกอารมณ์ 2 ขั่วในเวลานั้น ขั่วแรก ก็เสียใจที่ท่านจากเราไป ชั่วที่สอง ก็ดีใจที่ท่านหมดทุกข์หมดโศกไปเสียที และภรรยาของท่านก็ไม่ต้องมาปรนนิบัติท่านอีกต่อไป อย่างไรก็ตามครอบครัวผมทุกคนก็ยังคิดถึงท่าน และจะกลับไปเยี่ยมท่านในปลายปีนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่ได้เจอพี่ชายคนนี้แล้วก็ตาม
วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2561
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 2018a
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่
ผมอยากขอบคุณพระเจ้า และขอเรียนพี่น้องชาวปางมะผ้าว่า นี่คือพระคุณของพระเจ้าจริงๆ เพราะเป็นภาระกิจที่ยิ่งใหญ่มาก หากใครไม่ได้รับการทรงเรียก มีภาระใจจริงๆ ก็จะไม่กระทำงานแบบนี้แน่นอน นั่นเพราะคนเหล่านี้มีพระเจ้า และได้รับการดลใจให้รวมตัวกันเพื่อพี่น้องเราชาวปางมะผ้าโดยเฉพาะ ตรวจสุขภาพฟรี จ่ายยาฟรี และเครื่องยังชีพอย่างอื่นด้วย และก่อนหน้าที่จะมารวมตัวกันก็ได้ขออนุญาตจากผู้ใหญ่ทางจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน อย่างถูกต้อง พร้อมกับชี้แจงการทำงาน ให้ดูวุติการศึกษา ใบรับรองสัญบัตรในความเป็นแพทย์อย่างถูกต้อง ฉะนั้นพี่น้องชาวปางมะผ้าไม่ต้องกลัวความไม่ปลอดภัยครับ พระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่ จะไม่เพียงแค่นี้ เพราะจะมีการทำกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายตามมา เพื่อบ้านเมืองของเราชาวปางมะผ้า พันธกิจบ้านธารพระพรยินดีเป็นตัวแทนในการนำเสนอพี่น้อง และจะกระทำอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าราชกิจของพระเจ้าจะสำเร็จลงในอำเภอปางมะผ้าของเรา ขอพี่น้องสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย หน่วยงานต่างของรัฐ เอกชน และคริสตจักรต่างๆในปางมะผ้า ต่างก็ยอมรับและสนับสนุนส่องเสริมยินดีเป็นอย่างยิ่ง กระผมเชื่อว่าและหวังว่าพี่น้องของเราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตผ่านทางกิจกรรมดีๆเหล่านี้ อนาคตทางทีมงานพันธกิจบ้านธารพระพร เรามีแผลงานสำหรับเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และคนวัยชราในบ้านของเรา ให้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้านของชีวิต ขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องทุกชนเผ่าด้วย เราทำงานร่วมกัน เติบโตไปด้วยกัน ลูกหลานของเราก็จะจำเริญไปด้วยกันครับ ขอบพระคุณและขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม.
ผมอยากขอบคุณพระเจ้า และขอเรียนพี่น้องชาวปางมะผ้าว่า นี่คือพระคุณของพระเจ้าจริงๆ เพราะเป็นภาระกิจที่ยิ่งใหญ่มาก หากใครไม่ได้รับการทรงเรียก มีภาระใจจริงๆ ก็จะไม่กระทำงานแบบนี้แน่นอน นั่นเพราะคนเหล่านี้มีพระเจ้า และได้รับการดลใจให้รวมตัวกันเพื่อพี่น้องเราชาวปางมะผ้าโดยเฉพาะ ตรวจสุขภาพฟรี จ่ายยาฟรี และเครื่องยังชีพอย่างอื่นด้วย และก่อนหน้าที่จะมารวมตัวกันก็ได้ขออนุญาตจากผู้ใหญ่ทางจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน อย่างถูกต้อง พร้อมกับชี้แจงการทำงาน ให้ดูวุติการศึกษา ใบรับรองสัญบัตรในความเป็นแพทย์อย่างถูกต้อง ฉะนั้นพี่น้องชาวปางมะผ้าไม่ต้องกลัวความไม่ปลอดภัยครับ พระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่ จะไม่เพียงแค่นี้ เพราะจะมีการทำกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายตามมา เพื่อบ้านเมืองของเราชาวปางมะผ้า พันธกิจบ้านธารพระพรยินดีเป็นตัวแทนในการนำเสนอพี่น้อง และจะกระทำอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าราชกิจของพระเจ้าจะสำเร็จลงในอำเภอปางมะผ้าของเรา ขอพี่น้องสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย หน่วยงานต่างของรัฐ เอกชน และคริสตจักรต่างๆในปางมะผ้า ต่างก็ยอมรับและสนับสนุนส่องเสริมยินดีเป็นอย่างยิ่ง กระผมเชื่อว่าและหวังว่าพี่น้องของเราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตผ่านทางกิจกรรมดีๆเหล่านี้ อนาคตทางทีมงานพันธกิจบ้านธารพระพร เรามีแผลงานสำหรับเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และคนวัยชราในบ้านของเรา ให้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้านของชีวิต ขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องทุกชนเผ่าด้วย เราทำงานร่วมกัน เติบโตไปด้วยกัน ลูกหลานของเราก็จะจำเริญไปด้วยกันครับ ขอบพระคุณและขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม.
วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561
กลุ่มแกนหลักพันธกิจบ้านธารพระพร 2018
กลุ่มแกนหลักพันธกิจบ้านธารพระพร คือ ผู้ทรงเกียรติของเรา ที่บริหารในพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ ต่างมีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ รับใช้พระเจ้าร่วมกันในพันธกิจบ้านธารพระพร และใช้สถานที่นี้ส่งไถ่ทอดความรักของพระเยซูคริสต์ออกไปทั้งในและต่างประเทศด้วย ให้มีแต่ความเจริญขึ้นในทุกๆด้านอย่างเต็มกำลังและความสามารถ กลุ่มแกนหลักจะเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงก็อยู่ที่การทรงเรียกของพระเจ้า เราจะหนุนใจกัน อธิษฐานเผื่อกัน ช่วยเหลือกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รักกันและกันด้วยใจจริง ให้อภัยกันและกัน เดินไปด้วยกันเพื่อถวายเกียรติยศแด่พระเจ้า พระเยซูคริสต์แต่เพียงผู้เดียว ครับผม.
โฉมหน้ากรรมการผู้จัดการพันธกิจบ้านธารพระพรคนใหม่
เรามาลองดูว่าอาจารย์มาม่าเป็นบุคคลที่พระเจ้าส่งมาให้ร่วมรับใช้พระเจ้าด้วยกันหรือไม่ ขอบคุณพระเจ้า
พันธกิจบ้านธารพระพร สถานที่สุดร่มรื่นและอัศจรรย์
มามะ แวะได้ พักได้ มีที่พัก อาหาร และสันติสุขจากพระเจ้าแน่นอนครับผม.
วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2561
โอกาสเป็นของที่คนที่กลับใจจากบาปอย่างแท้จริง
การให้โอกาส ควรเลียนแบบพระเยซูคริสต์เสมอ เพื่อความปลอดภัยครับผม.
วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
ชาวปางมะผ้าเตรียมเฮ...ต้อนรับทีมแพทย์เคลื่อนที่จากไทยและอเมริกา
ชาวปางมะผ้าเตรียมเฮ...ต้อนรับทีมแพทย์เคลื่อนที่จากไทยและอเมริกา
วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
ทีมงานที่ปรึกษาพันธกิจบ้านธารพระพร ครอบครัวคุณ Walter
ครอบครัวคุณ Walter
พี่ฮวด, พี่เปิ้ล, น้องอันนา และน้องคริสเตียน
ครอบครัวพี่ฮวด ได้เข้ามาร่วมงานอย่างเต็มรูปแบบเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมานี่เอง ท่านและครอบครัวมาร่วมรับใช้พระเจ้าในโครงการ "ธารน้ำใจสู่ดอยสูง" ไม่ใช่แค่มาคนเดียว แตามาตั้งครอบครัว บินตรงมาจากประเทศอเมริกา เพื่อมาร่วมออกทีมรับใช้พระเจ้ากับทีมพันธกิจบ้านธารพระพรของเรา และได้ร่วมถวายช่วยทีม และช่วยงานอย่างมากมาย ผมและทีมงานคนอื่นไม่คาดคิดว่าพระเจ้าจะมาสนับสนุนทางนี้อย่างมากมาย ได้แต่ขอบคุณพระเจ้าพระเจ้า และร่วมรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มที่ เจ็บไม่ได้ ป่วยไม่เป็น กันไปเลย ต้องยกย่องและขอพระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากชีวิตของครอบครัวพี่ฮวดนี้ เพราะได้เข้าร่วมแทบจะทุกวัน ทั้งวัน ทั้งคืน สนุกสุดเหวี่ยงจริงๆ
หลังเลิกงานกลับอเมริกาแล้ว ก็ยังมีน้ำใจติดตามงานรับใช้อย่างต่อเนื่อง และอยากมีส่วนร่วมรับใช้พระเจ้ากับพันธกิจบ้านธารพระพรกันต่อไป มีส่วนอย่างมากในการหนุนน้ำใจอาจารย์มาม่า ในการเริ่มรับใช้พระเจ้าในครั้งนี้ หนุนใจผมอย่างมาก ทุกครั้งที่ผมมืดมน ผมไม่เห็นทางออก ครอบครัวนี้จะวิ่งเข้ามาช่วยเหลือทันที นี่ก็เป็นทีมงานที่พระเจ้าทรงให้อย่างอัศจรรย์ในปีนี้ อธิษฐานเผื่อการเรียนของน้องๆทั้งสอง และการทำงาน การมีส่วนร่วมรับใช้พระเจ้าใครคริสตจักรและในพันธกิจบ้านธารพระพรกันต่อไป รอยยิ้มและความตั้งใจของครอบครัวนี้ ได้ทำให้คนปางมะผ้าเห็นพระเจ้าในชีวิตของพวกเขา พระเจ้ากำลังขับเคลื่อนพระวิญญาณของพระองค์กับผู้ที่ยินยอมให้พระองค์ทรงใช้เท่านั้น และนี่คือครอบครัวนั้น ที่เสียสละอย่างมากมาย แม้แต่ทีมงานทุกคนก็เห็นพระเจ้าในครอบครัวนี้อย่างเต็มตา มีสันติสุข อดทน เสียสละ รักและให้อภัย ความเมตตา เอ็นดู แจกจ่าย ให้อย่างไม่ต้องการตอบแทน ผมแอบเห็นความสุขของครอบครัวนี้เสมอ ขอบคุณพระเจ้า ขอพี่น้องอธิษฐานเผื่อครอบครัวนี้ต่อไปด้วย ขอบพระคุณและพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม
ทีมงานที่ปรึกษาพันธกิจบ้านธารพระพร ครอบครัวอาจารย์สุชาติ สียะ
ครอบครัวอาจารย์สุชาติ สียะ
อ.สุชาติ, อ.มิเชล, น้องเมม่า และน้องเอมี่
ขอบคุณพระเจ้า และขอบคุณทุกแรงคำอธิษฐาน ยอมรับว่าผมและครอบครัวขาดพระเจ้าไม่ได้เลย ยอมรับว่าหากขาดพระเจ้าไปแล้วชีวิตไม่มีค่าจริงๆ ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงส่งครอบครัวผมมาอยู่ฮาวาย อเมริกา ตั้งแต่ตุลาคม 2017 เป็นต้นมา ซึ่งเพราะการทรงเรียก พระเจ้าทรงรับรอง และเลี้ยงดูอย่างไม่ขัดสนสิ่งดีใดๆ ครอบครัวในเราได้มาอยู่ในบ้านที่ดีที่สุดของเกาะโอวาฮู ฮาวาย ที่นี่มีหลายเชื้อชาติปะปนกันไป โดยเฉพาะคนเอเซีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ลาว ไทย ฟีลิปปินส์ ฯลฯ เป็นต้น พระเจ้าทรงใช้มาให้ประกาศกับคนลาวและไทยเป็นพิเศษ และบุกเบิกตั้งคริสตจักรเพื่อเขาเหล่านั้นที่นี่ เวลานี้เราได้พี่ชูและพี่หอม เจ้าของร้านอาหาร Thai Kitchen Waipahu เป็นแกนนำในการเริ่มต้น ซึ่งผมและครอบครัวไม่เคยรู้จักคนไทยในเกาะแห่งนี้เลยก่อนหน้านี้ จนได้มาพบโดยการทรงนำของพระวิญญาณพระเจ้า เรามีคริสตจํกรทุกวันอาทิตย์ที่ร้านดังกล่าว และมีข่าวดีว่าจะมีอาจารย์สมภรอีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนลาวจาก California CA มาร่วมบุกเบิกตั้งคริสคจักรลาว-ไทยด้วยกัน ท่านจะมาคนเดียวก่อนในเดือนสิงหาคมนี้ ขอบคุณพระเจ้า
ส่วนเรื่องงานรับใช้ที่ประเทศไทย เราก็ไม่ทดทิ้งมีแผนจะกลับไทยทำพันธกิจทุก 2 ปีครั้ง และติดต่อสื่อสารงานกับผู้บริหารและผู้จัดการพันธกิจบ้านธารพระพรอยู่เสมอ และยังรับใช้พระเจ้าในการสอนพระคัมภีร์ออนไลน์กับคนไทยทุกเช้าตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป ขอพระเจ้าทรงเสริมกำลังครอบครัวของเรา ภรรยาผมเริ่มทำงานต้นเดือนสิงหาคมนี้ เป็นครูสอนเด็กพิเศษในโรงเรียนของรัฐแห่งหนึ่งที่นี่ น้องเอมม่าและน้องเอมี่ก็เข้าเรียนปกติ ขอบคุณพระเจ้า ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีสำหรับผมและครอบครัว จึงวางใจและมาตามการทรงเรียก อาจไม่ได้อย่างใจ ผิดหวังและรู้สึกน่ากลัวบ่อยๆในทุกๆเรื่อง พระเจ้าทรงนำผ่านพ้นมาได้ด้วยดี แค่วางใจจริงๆ ไม่ช้า ไม่สาย พระเจ้าทันเวลาจริงๆ ขอบคุณพระเจ้า ขอพี่น้องอธิษฐานเผื่อชีวิตที่เหลือจากนี้ของครอบครัวผม และทีมงานพันธกิจบ้านธารพระพร และการบุกเบิกตั้งคริสตจักรที่นี่ หากใครมีส่วนร่วมและพระเจ้าทรงนำจริงๆก็สามารถติดต่อเข้ามาร่วมรับใช้พระเจ้าด้วยกันได้นะครับ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ผมผู้รับใช้ท่าน ยินดีรับใช้ ขอบคุณมากและขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม
ทีมงานผู้จัดการพันธกิจบ้านธารพระพร ครอบครัวอาจารย์ปรเมศ พิกษ์ไพศา
ครอบครัวอาจารย์ปรเมศ พิทักษ์ไพศา
อ.มาม่า, น้องธนากร
ครอบครัวอาจารย์ปรเมศ พิทักษ์ไพศา ได้เข้ามาร่วมทีมงานพันธกิจบ้านธารพระพร เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาหมาดๆนี่เอง ซึ่งได้เข้ามาช่วยโครงการ "ธารน้ำใจสู่ดอยสูง" ได้มีบทบาทในการเตรียมพื้นที่ ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกกับทีมงานทั้งในและต่างประเทศ มีความตั้งใจอยากรับใช้พระเจ้า ได้ถวายตัวเข้ามาทำงานเต็มเวลา เป็นผู้จัดการพันธกิจบ้านธารพระพร เป็นเวลาของพระเจ้าที่ทรงประทานน้องชายคนนี้เข้ามาร่วมรับใช้พระเจ้าด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ท่านกำลังปรับปรุง ซ่อมแซม และดูแล ตกแต่งสถานที่พันธกิจบ้านธารพระพรอยู่ แต่ยังคงไม่มีการช่วยเหลือจากใคร แม้แต่ผมและครอบครัวก็ไม่มีช่วยน้องเขาเลย แต่ก็ยังเชื่อว่าน้องมาม่าจะผ่านการทดสอบของพระเจ้าครั้งนี้ไปได้ ทางผมและครอบครัวอยู่ไกล
จึงฝากครอบครัวอาจารย์สมชาย ทองเล็ก ช่วยหนุนใจและให้กำลังใจ ช่วยเหลือเท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะน้องมาม่าเพิ่งมาเริ่มต้นโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ยังมีการทดสอบ ทดลอง มากมายเข้ามาที่จะทำให้ท่าออกจากงานรับใช้ที่พระเจ้าทรงเลือกและเรียกเข้ามาครั้งนี้ ขอพี่น้องช่วยอธิษฐานเผื่ออย่างหนัก พระเจ้าผู้ทรงเลือกและเรียกท่านมาจะทรงสนับสนุนท่านด้วยวิธีการของพระเจ้าเอง แน่นอนว่าผมและครอบครัวจะไม่ทอดทิ้งท่านเหมือนกัน จะช่วยเต็มที่และสุดกำลังความสามารถ เพราะไม่ง่ายที่จะมีคนถวายตัวรับใช้โดยไม่ขอค่าตอบแทนสักนิด ได้ตกลงกันไว้ว่า น้องมาม่าสามารถทำงานเสริมได้ด้วย แต่ต้องไม่ทิ้งสถานที่พันธกิจบ้านธารพระพรโดยไม่มีใครเฝ้าเลย เพราะเป็นสถานที่ของพระเจ้า จะมีคนเข้ามาหาพระเจ้าเสมอ แม้แต่เด็กๆก็จะมาวิ่งเล่นที่นี่ทุกวัน อธิษฐานเผื่อลูกชายของท่าน ธนากร ที่จะย้ายมาเรียนที่สบป่องใกล้พันธกิจบ้านธารพระพรในเดือนตุลาคมนี้ และท่านยังต้องจัดเตรียมสถานที่และร่วมงานกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่จะมาด้วย แน่นอนว่างานพันธกิจบ้านธารพระพรจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่การบริหารงานของน้องมาม่า ความตั้งใจ ทุ่มเท เสียสละ อดทน และรักให้อภัยกับทุกคนในพื้นที่ การเป็นเจ้าบ้านที่รับแขก การเป็นผู้รับใช้ที่ต้องเลี้ยงดูลูกแกะของพระเจ้าอย่างตั้งใจ งานจะมีมาอย่างถี่ๆ หากว่าน้องมาม่าซื่อสัตย์ต่อการทรงเรียกและตะลันต์ที่พระเจ้าทรงให้มา ฝากอธิษฐานเผื่อท่านและลูกชายมากๆ ขอบพระคุณและขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม
ทีมงานผู้บริหารพันธกิจบ้านธารพระพร ครอบครัวอาจารย์สมชาย ทองเล็ก
ครอบครัวอาจารย์สมชาย ทองเล็ก
อ.สมชาย, อ.สุรีพร, น้องปาล์ม
ครอบครัวอาจารย์สมชาย ทองเล็ก ได้เข้ามาร่วมรับใช้พระเจ้ากับพันธกิจบ้านธารพระพร เมื่อปี ค.ศ 2016 ช่วงเดือนมิถุนายนของปีนั้น ซึ่งพันธกิจบ้านธารพระพรได้มีโครงการ "ใจสูใจเพื่อคนพิการและคนยากไร้บนดอยสูง" ท่านและครอบครัวได้เข้ามาช่วยขับรถ สอนพระคำและนำทีมในการประกาศข่าวประเสริฐและแจกข้าวของจำเป็นแก่ผู้พิการและผู้ยากไร้ตามหมู่บ้านเป้าหมายในอำเภอปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ท่านและครอบครัวได้ช่วยขอบริหารพันธกิจบ้านธารพระพร 5 ปี นับจากปี 2016 เป็นต้นมา เนื่องจากว่าผมและครอบครัวไม่สามารถบริหารต่อไปได้เพราะเรื่องไกลจากประเทศไทย สุขภาพ และค่าใช้จ่าย ซึ่งรวมไปถึงการไม่มีทีมงานเข้ามาช่วยงานจริงๆ อนึ่งก็เข้าใจว่าหากไม่มีการช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายบ้าง ก็คงหาคนที่จะมาร่วมงานรับใช้พระเจ้าด้วยกันยาก สิ้นสุดการรอคอย ผมและครอบครัวจึงคิดจะขายบ้านและที่ดินทั้งหมดเพื่อนำมาเป็นทุนในการรับใช้พระเจ้าที่ ฮาวาย อเมริกา ต่อไป แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้ขายบ้านและที่ดินจริงๆ ใจจริงเราอยากทำงานรับใช้พระเจ้าด้านนี้มากๆ แต่มีเหตุผลดังกล่าว ซึ่งไม่สามารถทำได้จริงๆ ท่านและครอบครัวได้ฟังเรื่องราวงานรับใช้ของครอบครัวผม จึงเห็นอกเห็นใจสงสาร และอยากมีส่วนช่วยงานรับใช้ แม้ท่านและครอบครัวจะอยู่ไกลถึงจังหวัดฉะเชิงเทราก็ตาม ผมและครอบครัวจึงไม่ลังเลใจที่จะมอบรถกะบะ 4 ประตู DWD ไว้รับใช้ไปมาในพื้นที่ด้วย ผมได้คุยเกี่ยวกับเรื่องที่บ้านและรถ ไม่มีเงื่อนไขใดๆ จะขึ้นมาช่วยงานหรือไม่ก็ได้ พร้อมที่จะมอบให้เป็นของขวัญในการรับใช้พระเจ้าต่อไปจนกว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จมา และปีนี้ 2018 เรามีโครงการ "ธารน้ำใจสู่ดอยสูง" ท่านและครอบครัวก็ได้เข้สมาช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังและความสามารถจริงๆ ต้องย้ำว่ามากันทั้งครอบครัวจริงๆ และเข้ามาร่วมตั้งแต่ต้นจนจบโครงการจริงๆ เรามีการวางแผนโครงการอื่นๆตามมาด้วย เช่น โครงการ "ทีมหน่วยแพทย์" ในวันที่ 5-11 พฤศจิกายน 2018 นี้ ที่จะมีทีมแพทย์ไทยและอเมริกา รวมตัวกันและขึ้นมาช่วยตรวจสุขภาพ จ่ายยา และรักษาคนในพื้นที่อำเภอปางมะผ้า ซึ่งเราได้หาที่ให้ 3-4 ที่ เพื่อทีมแพทย์จะได้มาตั้งทีมทั้งวัน ที่ที่ 1.หมู่บ้านถ้ำลอด 2.กรมป่าไม้นาปู่ป้อม 3.หมู่บ้านน้ำบ่อสะเป๋ และ 4.หมู่บ้านหนองตอง โดยจะติดต่อนายอำเภอ โรงพยายบาล และประธานกำนัน ในพื้นที่ให้ช่วยอำนวยความสะดวก ส่งจดหมายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนลงพื้นที่จริง มีผู้รับใช้พระเจ้าตามคริสตจักรต่างๆในพื้นที่จะมาช่วยแปลภาษาและประกาศข่าวประเสริฐ เลี้ยงดูต่อไปด้วย เป็นต้น ขอฝากครอบครัวนี้ไว้ในคำอธิษฐานไว้ด้วย เชื่อว่าเมื่อพระเจ้าทรงเริ่มต้นการดีไว้ในเราแล้ว พระงค์จะทรงกระทำให้สำเร็จแน่นอนครับผม ขอบคุณและขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม
วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
ที่นี่บ้านของพวกผมด้วยนะ
เด็กๆทำงานกันด้วย ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาคิดว่านี่คือบ้านอีกหลังหนึ่งของพวกเขาครับผม
คุณสว่างและลูกสาว ลิเดีย มาถึงซึ่งความรอด อ.มาม่าดูแลด้วยครับผม
คุณสว่างและลูกสาว ลิเดีย มาถึงซึ่งความรอดแล้ว อ.มาม่า ดูแลด้วยครับผม
ครอบครัวน้องต๋อง ตุ๊ก หนูดี และแสนดี พร้อมลุยแล้วครับผม
ครอบครัวน้องต๋อง ตุ๊ก หนูดี และแสนดี พร้อมลุยแล้วครับผม
วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561
" ถึงเวลาลุย 2018 "
ถึงเวลาลุย " ธารน้ำใจสู่ดอยสูง 2018 "
15-23 มิถุนายน 2018 ณ พันธกิจบ้านธารพระพร 15/3 หมู่ 7 บ้านหนองตอง ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน
วันที่เรารอคอย วันที่เราตั้งจิตตั้งใจอธิษฐานกับพระเจ้าก็มาถึง เรียนเชิญพี่น้องผองเพื่อนร่วมกันฝึกฝนของประทานในการปรนนิบัติ การรักษาโรค การขับผี และการอัศจรรย์อื่นๆมากมายได้กับทีมงาน " พันธกิจบ้านธารพระพร " สิ่งที่เราจะร่วมกันทำภายในค่ายครั้งนี้ 1. ฝึกฝนชีวิตและของประทานร่วมกัน ประกาศข่าวประเสริฐแบบชิวๆ
2. เสียสละความสุข ทรัพย์ สิ่งของ เพื่อผู้พิการที่ยากไร้ และคนที่ยากไร้บนดอยสูง 3. ท่องเที่ยวไปกับทีมงานในหุบเขา สัมผัสชีิวิตบนดอยของชนเผ่าต่างๆ เรียนรู้ อาหาร ภาษา การแต่งกาย ค่านิยม อื่นๆ
ลีซอ หรือลีซู ชนเผ่าที่มีเยอะที่สุดในอำเภอปางมะผ้า ส่วนใหญ่อยู่ในตำบลสบป่อง ซึ่งก็มีกำนันเป็นชาวลีซูด้วย ยังคงยืนหยัดรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่าไว้เป็นอย่างดี ซึ่งมีการประสานงานไปในส่วนภาครัฐที่จะช่วยให้มีการจัดตั้งเป็นสมาพันธ์ลีซูแห่งประเทศไทยด้วย ปัจจุบัน ค่านิยมและความเจริญของสังคม ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงคนลีซูมาก การประกอบอาชีพก็กลายเป็นธุระกิจเพื่อการค้ามากกว่าที่จะกินกันภายในครอบครัวปีต่อปีเหมือนรุ่นปู่ย่าตายาย ศาสนาผี บูชาบรรพบุรุษที่ล่วงลับและรูปเคารพอื่นๆ ลูกหลานมีการศึกษาก็เข้าไปทำงานในเมืองใหญ่ ส่วนน้อนนักที่กลับมาทำงานในพื้นที่
ลาหู่ ชนเผ่านี้มีมาก รองลงมาในเขตอำเภอปางมะผ้า ส่วนมากจะเป็นลาหู่แดง ( ชะแลง ) ผสมกันไปตามหมู่บ้านต่างๆ เป็นเผ่าที่เคร่งครัดในการรักษาการแต่งกาย ภาษา ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม อาหาร อัธยาศัยดี เริ่มมีคนในเผ่าที่มีการศึกษาสูงมากขึ้น บ้างก็กลับมาพัฒนาชนเผ่าและหมู่บ้านของตน หลายคนก็ประสบความสำเร็จ แต่หลายคนก็ล้มเหลวเพราะคนมีอิทธิพล คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็เลยเข้าตัวเมืองเชียงใหม่และทั่วประเทศเพื่อหางานทำและส่งเงินกลับบ้าน ทั้งลาหู่และลีซู มีตำนานว่าเป็นพี่น้องกัน ( ว่ากันว่าครับผม )
กระเหรี่ยง เผ่านี้มีน้อยหมู่บ้านนัก และส่วนใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆลำธาร อาชีพทำไร่ นาขั้นบรรได เป็นชนเผ่านักอนุรักษ์ ไม่ค่อยถางป่า ไม่ทำไร่เลื่อนลอย เลี้ยงหมู ไก่ และจับปลาในห้วยเป็นอาหาร อาหารส่วนมากเป็นน้ำพริกกับผักสดๆ รักษาขนบประเพณีและวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี ภาษา อัธยาศัยต่อผู้มาเยือนดีเยี่ยมเช่นกัน ลูกหลานมีการศึกษาหลายคนทำงานราชการ และกลับมาพัฒนาหมู่บ้านบ้าง
ไทยใหญ่ ( ไทใหญ่ ) ปางมะผ้ามีตะเข็บชายแดนระหว่างไทยและพม่า ที่ตะเข็บชายแดนเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าไทใหญ่ หรือที่เขาเรียกว่ารัฐไทใหญ่ สามารถไปมาหาสู่ได้ ผู้นำไทใหญ่ก็เป็นพันธมิตรกับไทย เปิดชายแดนให้สามารถเข้าออกได้และรับความช่วยเหลือจากไทย ซึ่งต้องยอมรับว่า แม่ฮ่องสอนทั้งจังหวัด มีชาวไทใหญ่มากที่สุด แม้ในปางมะผ้าจะสู้ชนเผ่าจำนวนต่างๆไม่ได้ ภาษากลางส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทใหญ่ ชาวไทยเผ่าอื่นๆก็พูดได้เกือบทุกคน ไทใหญ่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น ศาสนาพุทธ อาชีพส่วนใหญ่ ทำไร่ รับจ้าง ปศุสัตว์ต่างๆ ลูกหลานมีการศึกษาส่วนใหญ่ไปหางานที่เมืองใหญ่และส่งกลับมาบ้าน
ม้ง หรือแม้ว รูปนี่ไม่ใช่ปางมะผ้า แต่ก็เห็นว่าน่ารักดีก็เลยลงมาเอ่ยกันนิดหนึ่ง เป็นเผ่าที่มีน้อยมาก อาศัยอยู่ใกล้ลำห้วย บ้านแม่รางจันทร์ หน้าโรงพยาบาลปางมะผ้า ไม่น่าเกิน 30 หลังคา และที่บ้านไร่บ้าง อาชีพทำไร่ สวนผัก ค้าขาย ส่วนใหญ่แล้วเปลี่ยนศาสนาผีมาเป็นคริสต์แล้ว มีภาษา อาหาร ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่ยังคงไว้ซึ่งความเหมือนเดิม ลูกหลานมีการศึกษาส่วนใหญ่ก็เข้าไปหางานที่เมืองใหญ่ ส่วนน้อยก็ช่วยงานพ่อแม่ในครอบครัว
ละว้า เป็นชนเผ่าหนึ่งที่มีจำนวนน้อยด้วย บ้านห้วยน้ำโป่ง เป็นหมู่บ้านชนเผ่านี้โดยเฉพาะ มาหลังๆมานี้ก็มีการผสมผสานหลายชนเผ่าเลย ประมาณ 30 หลังคาเรือน เป็นศาสนาคริสต์ทั้งหมู่บ้าน ผู้นำเข้มแข็ง เคยเป็นหมู่บ้านที่พระเทพฯเคยเสด็จมาเยือนและให้การช่วยเหลือ ปลอดยาเสพติด อาชีพทำไร่ ทำสวน รับจ้าง และค้าขาย ลูกหลานมีการศึกษาส่วนใหญ่เข้าทำงานในเมืองใหญ่ ส่วนน้อยยังคงทำงานบนดอยช่วยครอบครัว
15-23 มิถุนายน 2018 ณ พันธกิจบ้านธารพระพร 15/3 หมู่ 7 บ้านหนองตอง ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน
กิ่วลม
พันธกิจบ้านธารพระพร ห่างจากตลาด 200 เมตร เลี้ยวซ้ายขึ้นดอยทางขึ้นบ้านหนองตอง 200 เมตร โดยประมาณ สามารถถามผู้คนที่ผ่านไปมาได้ครับผม
วันที่เรารอคอย วันที่เราตั้งจิตตั้งใจอธิษฐานกับพระเจ้าก็มาถึง เรียนเชิญพี่น้องผองเพื่อนร่วมกันฝึกฝนของประทานในการปรนนิบัติ การรักษาโรค การขับผี และการอัศจรรย์อื่นๆมากมายได้กับทีมงาน " พันธกิจบ้านธารพระพร " สิ่งที่เราจะร่วมกันทำภายในค่ายครั้งนี้ 1. ฝึกฝนชีวิตและของประทานร่วมกัน ประกาศข่าวประเสริฐแบบชิวๆ
ลีซอ หรือลีซู ชนเผ่าที่มีเยอะที่สุดในอำเภอปางมะผ้า ส่วนใหญ่อยู่ในตำบลสบป่อง ซึ่งก็มีกำนันเป็นชาวลีซูด้วย ยังคงยืนหยัดรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่าไว้เป็นอย่างดี ซึ่งมีการประสานงานไปในส่วนภาครัฐที่จะช่วยให้มีการจัดตั้งเป็นสมาพันธ์ลีซูแห่งประเทศไทยด้วย ปัจจุบัน ค่านิยมและความเจริญของสังคม ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงคนลีซูมาก การประกอบอาชีพก็กลายเป็นธุระกิจเพื่อการค้ามากกว่าที่จะกินกันภายในครอบครัวปีต่อปีเหมือนรุ่นปู่ย่าตายาย ศาสนาผี บูชาบรรพบุรุษที่ล่วงลับและรูปเคารพอื่นๆ ลูกหลานมีการศึกษาก็เข้าไปทำงานในเมืองใหญ่ ส่วนน้อนนักที่กลับมาทำงานในพื้นที่
ลาหู่ ชนเผ่านี้มีมาก รองลงมาในเขตอำเภอปางมะผ้า ส่วนมากจะเป็นลาหู่แดง ( ชะแลง ) ผสมกันไปตามหมู่บ้านต่างๆ เป็นเผ่าที่เคร่งครัดในการรักษาการแต่งกาย ภาษา ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม อาหาร อัธยาศัยดี เริ่มมีคนในเผ่าที่มีการศึกษาสูงมากขึ้น บ้างก็กลับมาพัฒนาชนเผ่าและหมู่บ้านของตน หลายคนก็ประสบความสำเร็จ แต่หลายคนก็ล้มเหลวเพราะคนมีอิทธิพล คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็เลยเข้าตัวเมืองเชียงใหม่และทั่วประเทศเพื่อหางานทำและส่งเงินกลับบ้าน ทั้งลาหู่และลีซู มีตำนานว่าเป็นพี่น้องกัน ( ว่ากันว่าครับผม )
กระเหรี่ยง เผ่านี้มีน้อยหมู่บ้านนัก และส่วนใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆลำธาร อาชีพทำไร่ นาขั้นบรรได เป็นชนเผ่านักอนุรักษ์ ไม่ค่อยถางป่า ไม่ทำไร่เลื่อนลอย เลี้ยงหมู ไก่ และจับปลาในห้วยเป็นอาหาร อาหารส่วนมากเป็นน้ำพริกกับผักสดๆ รักษาขนบประเพณีและวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี ภาษา อัธยาศัยต่อผู้มาเยือนดีเยี่ยมเช่นกัน ลูกหลานมีการศึกษาหลายคนทำงานราชการ และกลับมาพัฒนาหมู่บ้านบ้าง
ไทยใหญ่ ( ไทใหญ่ ) ปางมะผ้ามีตะเข็บชายแดนระหว่างไทยและพม่า ที่ตะเข็บชายแดนเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าไทใหญ่ หรือที่เขาเรียกว่ารัฐไทใหญ่ สามารถไปมาหาสู่ได้ ผู้นำไทใหญ่ก็เป็นพันธมิตรกับไทย เปิดชายแดนให้สามารถเข้าออกได้และรับความช่วยเหลือจากไทย ซึ่งต้องยอมรับว่า แม่ฮ่องสอนทั้งจังหวัด มีชาวไทใหญ่มากที่สุด แม้ในปางมะผ้าจะสู้ชนเผ่าจำนวนต่างๆไม่ได้ ภาษากลางส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทใหญ่ ชาวไทยเผ่าอื่นๆก็พูดได้เกือบทุกคน ไทใหญ่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น ศาสนาพุทธ อาชีพส่วนใหญ่ ทำไร่ รับจ้าง ปศุสัตว์ต่างๆ ลูกหลานมีการศึกษาส่วนใหญ่ไปหางานที่เมืองใหญ่และส่งกลับมาบ้าน
ม้ง หรือแม้ว รูปนี่ไม่ใช่ปางมะผ้า แต่ก็เห็นว่าน่ารักดีก็เลยลงมาเอ่ยกันนิดหนึ่ง เป็นเผ่าที่มีน้อยมาก อาศัยอยู่ใกล้ลำห้วย บ้านแม่รางจันทร์ หน้าโรงพยาบาลปางมะผ้า ไม่น่าเกิน 30 หลังคา และที่บ้านไร่บ้าง อาชีพทำไร่ สวนผัก ค้าขาย ส่วนใหญ่แล้วเปลี่ยนศาสนาผีมาเป็นคริสต์แล้ว มีภาษา อาหาร ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่ยังคงไว้ซึ่งความเหมือนเดิม ลูกหลานมีการศึกษาส่วนใหญ่ก็เข้าไปหางานที่เมืองใหญ่ ส่วนน้อยก็ช่วยงานพ่อแม่ในครอบครัว
ตลาดปางมะผ้า วางขายตามถนนคนเดินมาจากสวนสดๆ ส่วนที่จอดรถและทำห้างขายข้างทางส่วนมากมาจากที่อื่น ราคาไม่เหมือนกัน คุณภาพต่างกัน วันตลาดนัดคือวันอังคาร ตลาดนัดเป็นจุดศูนย์รวมคนทุกเผ่าในพื้นที่ๆจะออกมาจับจ่ายตลาด หรือเอาของป่าของดอยมาวางขาย ส่วนร้านค้าตามไหล่ทางบางทีก็เป็นของคนจากที่อื่น น้อยนักที่เป็นร้านของคนในพื้นที่ การแข่งขันจึงเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
โรงพยาบาลปางมะผ้า อยู่ห่างจากตลาดประมาณ 700 เมตร โดยปรมาณ มีหมอ พยาบาล และเครื่องมือแพทย์พอสมควร ประชากรในพื้นที่โดยเฉลี่ย 20,000 คน ซึ่งได้มีการก่อสร้างตัวอาคารเพิ่มเติมเมื่อต้นปี 2016 สามารถรับคนป่วยทั้งในและนอกได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆกับตะเข็บชายแดน จึงมีคนไทใหญ่ในพม่าถูกส่งตัวเข้ามารักษาที่นี่ประจำ ทางโรงพยาบาลจะส่งตัวไปโรงพยาบาลใหญ่ที่อำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน กรณีเครื่องมือแพทย์ไม่ครบ หรือไม่มีแพทย์เฉพาะทางรักษา ส่งไปที่เชียงใหม่ด้วย ผมเองก็เคยเป็นคนไข้ประจำของโรงพยาบาลแห่งนี้เกือบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2004-2012 และทำงานเป็นพันธมิตรช่วยเหลือคนพิการและยากไร้ในพื้นที่ร่วมกัน
ที่ว่าการอำเภอปางมะผ้า ห่างจากตัวตลาดปางมะผ้าประมาณ 600 เมตร โดยประมาณ ตั้งอยู่ติดกับโรงพยาบาลทางซ้าย และทางขวาก็ติดอยู่กับสถานีตำรวจอำเภอปางมะผ้า มีการทำงานอย่างมีระบบ ที่ผ่านมาอาจมีการทำผิดกฏหมายของผู้มีอำนาจ แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนผ่านผู้มีอำนาจมาหลายปีแล้ว กำลังพัฒนาให้กลายเป็นอำเภอที่เป็นแบบในการทำงานของรัฐจริงๆ ผมเห็นเจ้าพนักงานที่มีการผสมผสานของชนเผ่า เข้าใจความยากง่ายในการทำเอกสารให้กับกลุ่มคนชนเผ่าเป็นอย่างดี จึงมักจะนำมาซึ่งความผิดพลาด แต่ก็ต้องยอมรับในเรื่องของการทำผิดโดยตั้งใจเพื่อผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจแค่คนเดียว ทำให้เกิดความเสียหายทั้งอำเภอ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีคอมพวเตอร์ ที่สามารถหาข้อมูลได้ทั่วทุกจังหวัดแบบก้าวกระโดดในการทำเอกสาร และไม่สามารถหาผลประโยชน์ได้อีกต่อไป ยังคงมีปัญหาอยู่บ้าง อาจเป็นเพราะการสื่อสาร ภาษา จึงทำให้เอกสารบกพร่องแก้ยากลำบาก นี่คือปัญหาของชนเผ่าจริงๆ
สถานีตำรวจปางมะผ้า ห่างจากตลาดปางมะผ้า 500 เมตร โดยประมาณ ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนชนเผ่าต่างๆในพื้นที่ ไม่ค่อยมีใครกล้ามีปัญหากับตำรวจ ฉะนั้นตำรวจที่นี่ใหญ่มากๆ แค่ไม่กี่คนก็เอาอยู่ ปัญหายาเสพติดก็มีบ้าง ส่วนใหญ่ให้ตำรวจนอกพื้นที่มาจัดการ เรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้งก็ตำรวจในพื้นที่ ตำรวจที่อยู่ส่วนใหญ่ก็แต่งงานกับคนในพื้นที่ และสร้างฐานครอบครัวอยู่ที่นี่เลย บางคนก็ย้ายไปย้ายมา ใครไม่ทำงานจริงก็อยู่ยาก มีเรื่องที่ไหนตำรวจไปไม่ค่อยทัน คนร้ายรู้ตัวก่อนเสมอ แต่ไม่ค่อยมีเรื่องมากมาย ผมและครอบครัว ได้รับการบริการจากตำรวจที่นี่เสมอ บางทีก็ไปเยี่ยมสมาชิกในหมู่บ้านที่ถูกจับ หรือไปช่วยไกล่เกี่ยปัญหาต่างๆของคนที่เรารู้จัก บางครั้งภรรยาผมก็ไปสอนภาษาอังกฤษให้กับตำรวจด้วย ตำรวจเป็นพันธมิตรกับพันธกิจบ้านธารพระพรครับผม
โรงเรียนปางมะผ้าวิทยาสรรพ์ ห่างจากตลาดปางมะผ้า 400 เมตร โดยประมาณ ต่อจากสถานีตำรวจนั่นเอง สถานที่ราชกาลดังกล่าวข้างต้นอยู่ติดๆกันเลย ห่างกันไม่มาก เพราะไม่มีสถานที่พื้นราบมากนัก จึงต้องจัดตั้งติดๆกัน เป็นโรงเรียนมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลาย มีนักเรียนประมาณ 300 คน ซึ่งก็เป็นเด็กนักเรียนที่เรียนจบประถมจากพื้นที่มา ด้านซ้ายติดสถานนีตำรวจ ด้านขวาก็ติดแม่น้ำรางจันทร์ และสะพานข้าม ระบบการศึกษายังอ่อนมากหากเทียบกับในเมือง แต่ก็พัฒนากว่าเมื่อก่อนมากๆ
อำเภอปางมะผ้า มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย รีสอร์ท และเกสเฮ้าท์ก็มีเยอะ หลายระดับ ของซื้อของฝากก็มีเยอะมาก หากใครอยากมาร่วมทีมประกาศข่าวประเสริฐและช่วยเหลือคนพิการที่ยากไร้ ก็ติดต่อกันมาได้เลยนะครับผม ขอบคุณมาก ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม.
วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560
วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559
เพื่อพ่อ เพื่อชาติและแผ่นดินไทย ขอพระเยซูคริสต์เจ้าได้รับเกียรติ
ยิ่งรักพ่อ คิดถึงพ่อ ยิ่งรักห่วงใยกัน ทำดีทุกครั้งระลึกถึงพ่อแห่งแผ่นดิน และให้พระเจ้าได้รับพระเกียรติ
ถึงจะนานไปอีกเท่าไร คำว่าทำเพื่อพ่อก็จะยังอยู่ในใจในชีวิตพวกเราไม่มีที่สิ้นสุด แม้ลมหายใจสุดท้ายก็ต้องส่งต่อพันธกิจที่ไม่มีวันตาย.."รักพ่อ ทำเพื่อพ่อ ถวายเกียรติพระเจ้า" ..ตลอดไป
ถึงจะนานไปอีกเท่าไร คำว่าทำเพื่อพ่อก็จะยังอยู่ในใจในชีวิตพวกเราไม่มีที่สิ้นสุด แม้ลมหายใจสุดท้ายก็ต้องส่งต่อพันธกิจที่ไม่มีวันตาย.."รักพ่อ ทำเพื่อพ่อ ถวายเกียรติพระเจ้า" ..ตลอดไป
วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559
เสื้อกันหนาว,ผ้านวมหรือผ้าห่มกันหนาวเพื่อผู้พิการที่ยากไร้บนดอยสูง
เสื้อกันหนาว,ผ้านวมหรือผ้าห่มกันหนาวเพื่อผู้พิการที่ยากไร้บนดอยสูง
วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559
คนพิการต้องการอะไร?
คนพิการต้องการอะไร?
ท่าทีของคนปกติที่มีต่อคนพิการส่วนใหญ่เป็นอย่างไร?
และท่าทีของคนพิการมีท่าทีต่อคนปกติเป็นอย่างไรอย่างไร?
ใครอยากเกิดมาเป็นคนพิการบ้าง?
อาการแบบไหนถึงเรียกว่าเป็นคนพิการ?
คนพิการมีกี่ระดับ? และรักษาได้อย่างไร?
คนพิการที่แอบซ่อนความพิการไว้จากผู้คนมีไหม? บ้างก็พิการกาย สติปัญญา ความเข้าใจ จิตใจ การรับรู้ การเรียนรู้ การเคลื่อนไหว และทางสายตา บ้างก็เป็นแบบซ้ำซ้อน หรือขั้นรุนแรงด้วย บางคนก็เป็นคุณชายคุณหญิงนิทราก็มี ไม่ว่าความพิการจะมาจากสาเหตุใด แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเกิดมาต้องมีความพิการครับผม ทุกคนอยากเกิดมาเพียบพร้อม ทั้งความสามารถ รูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน ชาติวงศ์ตระกูล การศึกษา สติปัญญา บ้าน รถ เงินทอง ชื่อเสียง ลาภยศ สรรเสริญ นับหน้าถือตา ฯลฯ และเป็นที่รักใคร่ของสังคม แต่ถ้าไม่มีสักอย่างเขาจะยังเป็นคนได้อยู่หรือไม่?
คนพิการก็อยากหายเป็นปกติเพื่อไม่เป็นภาระของคนในครอบครัว สังคมและประเทศชาติ แค่ต้องการให้คนปกติจริงๆเข้าใจจริงๆว่าเขาก็ไม่อยากเกิดมาเป็นคนพิการ หรือกลายเป็นคนพิการก็ตาม แค่อย่ามาดูถูก เหยียดหยาม และรังแก บางคนแทนที่จะช่วยก็ทำร้ายซ้ำเติมด้ววิธีต่างๆนานา คนพิการแม้ว่าคนในครอบครัวคุณหรือไม่ เขาเป็นคนไหม? บางคนดูแลสัตว์เลี้ยงดีกว่าคนพิการในบ้านเสียอีก ไม่ได้เรียกร้อง ไม่ได้ให้เห็นใจ แค่อยากให้เข้าใจว่า คนพิการก็คือคน ใครบ้างไม่แก่ตาย ถึงแก่ตายก็พิการก่อนตายทุกคน เดินไม่ไหว เคี้ยวอาหารไม่ได้ พลิกตัวไม่ไหว ตาไม่เห็นดี เป็นต้น
คนไทยมีจิตใจเมตตากรุณามาแต่กำเนิดทุกคนหรือ? เราสามารถปลูกฝังให้มีจิตสำนึกที่เมตตากรุณาได้ไหม? พี่น้องครับผม เราต้องช่วยกันดูแลคนในครอบครัว ในสังคมของเราไม่ใช่หรือ หมดยุคตัวใครตัวมันแล้วหรือยังครับ หากเราคนไทยไม่รักกัน ไม่ดูแลกัน จะรอให้คนต่างชาติมาดูแลหรือครับผม มูลนิธิบ้านธารพระพร ตั้งขึ้นมาก็เพื่อรักและดูแลกัน พี่น้องในหมู่บ้าน ในอำเภอ ในจังหวัด และในประเทศ หากมาเที่ยวแม่ฮ่องสอนก็อย่าลืมแวะเข้ามาทักทาย ช่วยเหลือพวกเรานะครับผม ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับผม.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)